วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555





สอนเล่น Ukulele อูคูเลเล่








ส่วนประกอบต่างๆ ของ อูคูเลเล่




1. Tuners (ลูกบิด) ลูกบิด เป็นส่วนที่ใช้ในการตั้งสาย หรือขึ้นสายอูคูเลเล่ เพื่อให้ได้เสียงมาตรฐาน แน่นอนว่า 
หากลูกบิดมีความแข็งแรง(หลวม)ไม่พอ ย่อมส่งผลให้การตั้งสายให้ตรงตามมาตรฐาน ย่อมเป็นไปได้ยาก 
หลายท่านอาจจะเคยมีปัญหาในเรื่องนี้ ดังนั้น ลูกบิดจึงเป็นส่วนสำคัญมาก อย่าลืมตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อนะครับว่า
ลูกบิด หรือ Tuners ทั้ง 4 ตัว มีความแข็งแรง ไม่หลวม และสามารถหมุดได้อย่างราบรื่น คือไม่ฝึด ไม่หลวมเกินไป
หากตรวจสอบพบว่า ลูกบิดหลวม/ฝึดเกินไป ทำให้ไม่ได้ตั้งเสียงให้ตรงตามมาตรฐาน(เสียงเพี้ยน)ได้ ก็ให้คุณวางลง
แล้วลองตัวใหม่ได้เลย เพราะมันจะสร้างปัญหาให้คุณ ภายหลังแน่นอน คุณคงไม่ยากเล่นอูคูเลเล่ เสียงเพี้ยนๆ ใช่ไหม

2. Headstock (หัวอูคูเลเล่) ส่วนหัว ของอูคูเลเล่ ส่วนนี้อาจจะไม่มีผลต่อเสียง แต่อาจจะมีผลทางด้านอารมณ์ความรู้สึก 
ความสวยงาม สะมากกว่า แต่ใช่ว่า จะไม่สำคัญจนละเลย อย่างน้อย อูคูเลเล่ที่ได้มาตรฐาน ควรจะมี Headstock ที่แข็งแรง
ลองตรวจสอบดู ด้วยว่า Headstock แข็งแรง หรือไม่ มีรอยฉีก ร้าวหรือไม่ เป็นต้น
Headstock ส่วนมาก จะใช้ไม้เนื้อแข็งทำเพราะให้แข็งแรง ทนทานต่อแรงดึงของสาย
ไม้ที่นิยมนำมาใช้ทำส่วนนี้ คือ Indian Rosewood, Mahogany, เป็นต้น

3. Nut ส่วนนี้แม้จะเป็นชิ้นส่วนประกอบเล็กๆ แต่ทว่า มีความสำคัญไม่น้อยทีเดียว Nut
มีหน้าที่รองรับสายอูคูเลเล่ ในตำแหน่งด้านบน ใกล้กับ Headstock สิ่งที่คุณจะต้องตรวจสอบมันคือ อูคูเลเล่ตัวนั้น 
เก็บรอยคมของ Nut หรือติดตั้ง Nut แข็งแรงดีหรือไม่ หากเก็บรอยคมของ Nut ไม่เรียบร้อย เวลาคุณจับคอร์ด
ขยับเล่นมือซ้ายไปมา คุณอาจจะรู้สึกว่า Nut มันบาดมือซ้ายคุณ ในส่วนของร่อง Nut ก็สำคัญ,
ร่อง Nut ควรจะเสมอกัน สังเกตได้ไม่ยากครับ เวลาที่คุณดีดสาย เมื่อสายอูคูเลเล่สั่น จะต้องดังเฉพาะตัวโน๊ตที่คุณดีด
ต้องไม่มีเสียงสั่นของโน๊ตตัวอื่นๆ ที่ไม่ต้องการ หากมีเสียงอื่นๆ หลุดรอดออกมา (ดังไม่เป็นตัวโน๊ต)
อาจจะเป็นไปได้ว่า ร่องนัทไม่เสมอกัน ส่วนมากโรงงานจะติด Nut ที่ทำจากพลาสติกมาให้ บางท่านหูทิพย์
บอกว่า... หากหันมาใช้ Nut ที่ทำจากกระดูก(สัตว์) จะให้เสียงที่กังวานกว่า วัสดุพลาสติก อันนี้แล้วแต่ครับ
หากเปลี่ยนแล้วให้ความรู้สึกที่ดีกว่า ก็เปลี่ยนไปเลย ตรงนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องประสบการณ์ของผู้เล่นท่านนั้นๆ

4. Fret ส่วนประกอบนี้สำคัญทีเดียว หากเฟรต(Fret) ไม่เรียบ เก็บงานไม่เรียบร้อย เวลที่คุณจับคอร์ดนั้นๆ 
เฟร็ตอาจจะบาดมือคุณได้ หรือไม่ คุณอาจจะรู้สึกว่า การเคลื่อนที่ของมือซ้ายทำได้ไม่ลื่นไหล ติดๆ ขัดๆ
ฉะนั้น ก่อนซื้ออูคูเลเล่ ต้องไม่ลืมใช้มือซ้ายกำที่บริเวณทั่วคอ ของอูคูเลเล่ และลองขยับขึ้นลง(หัวมาท้าย)
ลองดูสิว่า มือซ้ายเราโดนส่วนคมของเฟร็ต หรือไม่ วิธีนี้ สามารถช่วยตรวจสอบได้ว่า
อูคูเลเล่ ตัวนั้นๆ เก็บงานเฟรต เรียบร้อยดีหรือไม่

5. Finger Board ฟิงเกอร์บอร์ด จะทำจากไม้เนื้อแข็ง เพื่อให้ทนต่อแรงกด ของนิ้วมือซ้าย 
ส่วนใหญ่อูคูเลเล่ ระดับราคากลางๆ จะนิยมใช้ไม้ Indian Rosewood, และ Mahogany, ถ้าเป็นอูคูเลเล่
ระดับราคาสูงๆ จะนิยมใช้ไม้ Ebony ฟิงเกอร์บอร์ดที่ดี ควรจะมีผิวหน้าไม้ที่เรียบเสมอกัน ซึ่งสังเกตได้ไม่ยาก

6. Neck ส่วนคอหรือ Neck ของอูคูเลเล่ ถือว่าสำคัญมากเช่นกัน ก่อนจะสอยอูคูเลเล่ตัวไหนมาครอง 
ต้องดูส่วนคอให้ดี รอยต่อเข้ากันสนิทไหม และที่สำคัญที่สุดคือ คอตรงไหม ใช้วิธีการส่องดู...
โดยยกตัวอูคูเลเล่ขึ้นมาวางระนาบ ทำมุม 90 องศากับสายตา และส่องดู (แนวเดียวกับสายตา)
ลองดูว่า คอมันโค้ง(แอ่น) หรืองอ มาขนาดไหน

ตามรูปข้างบนนี้ แสดงให้เห็นถึง การโค้ง(แอ่น) งอ ของคออูคูเลเล่ ส่วนใหญ่คอ จะไม่ตรง(Straight)
แบบ 100% สะทีเดียว แต่จะมี Gap เล็กน้อย หากโค้ง(แอ่น) หรืองอ เล็กน้อย (ไม่เกิน 5%)
ถือว่าปกติ แต่หากโค้ง(แอ่น)หรืองอ มาก จะมีปัญหาทันที ปัญหาของคอโค้ง(แอ่น)หรืองอมากเกินไปคือ
การเกิดเสียง Buzz (บัส) หรือ Fret Buzz! คือการที่สายกระแทกเข้ากับเฟร็ต
คุณลองกดโน็ตตัวใดตัวหนึ่ง หรือคอร์ดใดคอร์ดหนึ่ง ทุกๆเสียง ของตัวโน็ต จะต้องชัดเจน ไม่มีเสียงอื่นมาแทรก 
หากได้ยินเสียงสายไปกระแทกเข้ากับเฟร็ต นั่นคือ Buzz! วิธีแก้ไขพอมีครับ นั่นคือ เราจะต้องปรับระดับความสูง
ของระยะห่างระหว่าง สายกับเฟร็ต หรือที่เราเรียกว่า การปรับ Action
ซึ่ง... ครั้งหน้าผมจะมาแนะนำวิธีการปรับ Action ให้กับ Ukuelele ในครั้งนี้ขอข้ามไปก่อน
แต่บอกทิ้งท้ายไว้ก่อนว่า การปรับ Action ของอูคูเลเล่ ทำได้ไม่ง่ายเหมือนกับกีต้าร์
เพราะไม่มี Truss Rod(เหล็กดามคอ)เหมือนกีต้าร์ ดังนั้น หากเจอะอาการช้างต้น ก็ไม่ควรซื้ออูคูเลเล่ตัวนั้น
เลือกตัวใหม่ดีกว่า สรุปว่า ต้องตรวจเช็คคอด้วย ถ้าอูคูเลเล่ตัวนั้นๆ มีองศาคอที่ โค้งแอ่น หรืองอ มากเกินไป
ผมแนะนำให้วางไปเลย แล้วลองดูตัวใหม่ จะดีที่สุด

7. Body ส่วนของ Body หรือลำตัวของอูคูเลเล่ มีผลโดยตรงต่อเสียง นั่นหมายความว่า 
หากอูคูเลเล่ สองตัว มี Body ที่แตกต่างกัน ย่อมให้เสียงที่แตกต่างกัน แน่นอน Body จะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน
คือ ไม้หน้า(TOP) ไม้หลัง(BACK) และไม้ข้าง(SIDE) ซึ่งการเลือกใช้ไม้ที่แตกต่างกัน ย่อมส่งผลให้เสียงแตกต่างกันอย่างแน่นอน
หากใครอยากศึกษาเรื่องไม้ ที่มีผลต่อเสียงของอูคูเลเล่ 
รอยต่อของ Body ถือเป็นอีกสิ่งสำคัญ ผู้ซื้อจะต้องตรวจให้เรียบร้อย หากรอยต่อเข้ากันได้ไม่ดี ย่อมมีผลเสียในระยะยาว

8. Sound Hole คือแหล่งกำเนิดเสียง เป็นส่วนที่ทำให้อูคูเลเล่ เกิดเสียง ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่ จะนิยมทำ Sound hole
แบบวงกลม ซึ่งถือเป็นมาตรฐานที่นิยม แต่ก็มีบางผู้ผลิต ได้ทำ Sound Hold เป็นรูปแบบอื่นๆ เพราะต้องการซาวด์ที่แตกต่าง
จากอูคูเลเล่ทั่วไป ซึ่งทั้งหมด ขึ้นอยู่กับผู้เล่น ว่าจะชอบแบบไหน

9. Saddle หรือแท่งรองสาย saddle ส่วนใหญ่แบ่งเป็นสองประเภทหลักๆ คือ saddle ทีทำจากพลาสติก และกระดูก
ซึ่งบางท่านอ้างว่า สามารถฟังได้ออกว่า saddle แต่ละประเภทให้เสียงแบบไหน หลายๆ คนที่อ้างว่าฟังออก
ก็จะบอกว่า saddle กระดูกให้เสียงกังวาน หรือให้เสียงที่ดีกว่า saddle พลาสติก ผู้เขียนอยากบอกว่า
อันนี้เป็นเรื่องประสบการณ์ล้วนๆ หากท่านได้ลองเล่น มีประกบการณ์ฟังเยอะ ๆ ท่านก็อาจจะฟังอออกเช่นกัน
ดังนั้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องของความชอบของแต่ละท่าน หากเปลี่ยนจาก saddle ทีทำด้วยพลาสติก มาใช้เป็น saddle
ทีทำด้วยกระดูก แล้วรู้สึกดี ก็เปลี่ยนเลยครับ แต่ทำใจนิดว่า กระดูก ย่อมแพงกว่า พลาสติก

10. Bridge เราเรียกว่า สะพานสาย หน้าทีมันคือ ไว้รองรับสาย จากแรงดึง ดังนั้น Bridge ที่ดี ควรจะต้องมีความแข็งแรง
ไม่หลวม โดยเฉพาะบริเวณฐานของ Bridge ต้องแน่น เรียบ และแข็งแรง ซึ่งสำคัญมากๆ ต้องไม่ลืมที่จะตรวจสอบดูให้ดี
ก่อนที่ท่านจะซื้ออูคูเลเล่ อูคูเลเล่ ที่มีชื่อเสียงดี ระดับราคากลางๆ ไม่ค่อยพบปัญหานี้ แต่หากอูคูเลเล่ชื่อแปลกๆ
หรือระดับราคาล่างๆ จะต้องตรวจสอบให้ดี ผู้ผลิตส่วนใหญ่ จะนิยมใช้ไม้เนื้อแข็ง ทำ Bridge เพื่อให้ทนต่อแรงดึงของสาย
หวังว่าผู้อ่านจะได้ความรู้ขึ้นพื้นฐาน ในความเข้าใจถึงส่วนประกอบต่างๆ ของ Ukulele ไปไม่มากก็น้อย 
หวังว่าทุกๆท่าน จะได้เลือกอูคูเลเล่ ที่ถูกใจ และได้คุณภาพตามมาตรฐาน นะครับ แล้วพบกันในบทความต่อๆ ไป
อ้างอิง:http://www.ukethai.com/ukulele-parts.html

Ukulele อูคูเลเล่


Ukulele อูคูเลเล่   



 

 
 Ukulele (อูคูเลเล่) เป็นเครื่องดนตรีที่มีต้นกำเนิดมาจากฮาวาย ในช่วงคริสตศตวรรษที่ 19 หรือเมื่อประมาณ 150 ปีก่อน โดยเริ่มจากที่นักดนตรีโปรตุเกสคนหนึ่งที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายังชายฝั่ง Hanolulu ของฮาวาย และหอบเอาเครื่องดนตรีคล้ายกีตาร์จิ๋วที่เรียกว่า Cavaquinho มาด้วย จนสร้างความสนใจให้กับชาวพื้นเมืองฮาวายเป็นอย่างมากในสมัยนั้น และในที่สุดก็ได้มีการดัดแปลงเครื่องดนตรีจากโปรตุเกสดังกล่าวให้กลายเป็น อูคูเลเล่ ใช้สำหรับให้ความบันเทิงและสนุกสนานในหมู่เกาะฮาวาย และมันก็ถูกนำไปใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่เกาะนับตั้งแต่นั้นมา จนเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1950 ได้มีการนำอูคูเลเล่ไปเล่นทั่วโลก และได้รับความนิยมอย่างมากมาย จึงทำให้อูคูเลเล่เปลี่ยนจากเครื่องดนตรีพื้นเมืองฮาวาย กลายมาเป็นเครื่องดนตรีสากลในที่สุด อูคูเลเล่ ได้รับความนิยมถึงจุดสูงสุดในช่วงปี 1960-1985 เมื่อมีนักดนตรีชื่อดังหลายคนนำเครื่องดนตรีชนิดนี้ไปประกอบเพลง เช่น เจค ชิมาบุคุโร, จอร์จ แฮร์ริสัน, ซารา วัตกินส์ เป็นต้น ทำให้หลาย ๆ คนสรรหาเครื่องดนตรีชนิดนี้มาไว้ในครอบครองบ้าง ด้วยความที่มันเป็นเครื่องดนตรีขนาดเล็ก พกพาได้สะดวก และมีเสียงนุ่มไพเราะเหมือนกับกีตาร์ อีกทั้งยังสามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบ อูคูเลเล่ จึงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย



ปัจจุบัน อูคูเลเล่ ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากมายอีกครั้ง และนักร้องนักดนตรีหลายคนก็นำมันไปใช้เป็นดนตรีประกอบเพลงอย่างไพเราะ ไม่ว่าจะเป็น Jack Johnson, Jason Mraz หรือ John Mayer ที่โด่งดัง และผลงานเพลงของพวกเขาก็เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ขณะเดียวกันที่ อูคูเลเล่ ก็ยิ่งมีคนสนใจเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะในแถบยุโรป เอเชีย หรืออย่างบ้านเรา ก็ได้มีการนำอูคูเลเล่มาใช้ในงานดนตรีและการผลิตผลงานดนตรี โดยเฉพาะในแวดวงดนตรีแจ๊ส หรือดนตรีเบา ๆ ฟังสบาย ๆ อย่าง สิงโต นำโชค และ ลุลา กันยารัตน์ ติยะพรไชย หรือจะเป็น นท เดอะ สตาร์ 7 ที่พกเอาอูคูเลเล่มาออดิชั่นด้วยเพลงที่แต่งเอง จนลอยลำผ่านเข้ารอบ 8 คนไปได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งก็สร้างความสนใจให้กับหลาย ๆ คน จนตอนนี้อูคูเลเล่ก็เริ่มเป็นที่ต้องการของคนหลาย ๆ คนไปแล้ว




  สำหรับราคาของอูคูเลเล่ในบ้านเรานั้นก็มีตั้งแต่ 1,500 - 50,000 บาท หรือมากกว่านั้นเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้และคุณภาพของเสียงอูคูเลเล่ รวมถึงที่มาของเจ้าอูคูเลเล่ด้วย ซึ่งสามารถเลือกซื้อได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังมีการเปิดชมรมอูคูเลเล่ขึ้นมา เพื่อให้คนรักอูคูเลเล่เล่นดนตรีชนิดนี้มาโชว์แลกเปลี่ยนกันชมอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่มันมีขนาดเล็กและเรียนรู้ได้ง่าย อูคูเลเล่จึงกลายเป็นเครื่องดนตรีฝึกหัดสำหรับมือใหม่หัดเล่นกีตาร์ได้อีกด้วย


ขนาดของ Ukulele
Ukulele แบ่งออกเป็น 4 ขนาด แต่ที่นิยมเล่นกันจริงๆ มี 3ขนาด คือขนาด Soprano, Concert, และ Tenor
แต่ละขนาดล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (ตามภาพประกอบด้านบน)

- ขนาด
Soprano
Ukuele ขนาด Soprano คือ Ukulele ที่ขนาดเล็กที่สุด ทำให้การพกพา เคลื่อนที่ ติดตัวไปเล่นตามสถานที่ต่างๆ ทำได้ง่ายมาก
แต่เสียงก็จะเบาไปตามขนาดตัว สามารถประคองหรือโอบแนบตัวเพื่อเล่น ก็ยังทำได้ง่ายมาก

- ขนาด Concert
Ukulele ขนาด Concert ถือเป็นขนาดมาตรฐาน และมีผู้นิยมเล่นมากที่สุด การพกพา เคลื่อนที่ ติดตัวไปเล่นตามสถานที่ต่างๆ
ก็ทำได้ไม่ยาก แถมยังได้เสียงที่ดังขึ้นมาอีก

- ขนาด
Tenor

Ukulele ขนาด Tenor ถือเป็นขนาดใหญ่ที่สุด (ในบรรดาขนาดทั้งหมดที่นิยมเล่นกัน) ใกล้เคียงกับ Guitarlele (มี 6 สาย)
การยังสามารถพกพา เคลือนที่ ติดตัวได้ไม่ยากเช่นกัน เสียงจะกังวาน และดังที่สุด แต่การโอบขึ้นเพื่อเล่น จะทำได้ยาก
ไม่คล่องตัวเหมือนขนาด
Soprano และ Concert



- ขนาด Baritone เป็นขนาดใหญ่ที่ให้เสียงใกล้เคียงกับกีต้าร์โปร่ง 6 สายมากที่สุด แต่ไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มคนเล่น
เนื่องจากเสียงที่มันใกล้เคียงกับกีต้าร์โปร่ง 6 สายเกินไป 

 




ข้อเด่น ข้อด้อย ของ Ukulele แต่ละทรงUkulele จะเน้นเรื่องขนาดเป็นสำคัญ (นอกจากประเภทไม้แล้ว) เพราะขนาดเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดเสียง ว่าเสียงจะออกมา
โทนใด ผู้เล่นควรยอมรับก่อนว่า ไม่มี
Ukulele
ขนาดใดที่โลก ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เล่นได้ทั้งหมด แต่ละขนาด
ล้วนมีจุดเด่น จุดด้อย แตกต่างกันออกไป เรามาวิเคราะห์กันว่า
Ukulele แต่ละขนาด มีข้อดี ข้อด้อย แตกต่างกันอย่างไร- ขนาด Soprano

หากผู้เล่นนิยมเล่นแบบ
Strumming หรือตีคอร์ด Ukulele ขนาด Soprano ถือว่าเป็นทางเลือกอันดับ 1 เนื่องจากคอ(Neck)
มีขนาดเล่น ทำให้เล่นด้วยมือซ้ายได้ง่าย เนื้อเสียงมีความคมชัด หางเสียงแหลม และให้ย่านเสียงสูงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
!
ว่ากันว่า... โทนเสียงของ
Ukulele ขนาด Soprano คือเสียงของ Ukulele แบบยุคดั้งเดิม จะเรียกว่ามีกลิ่นของฮาวายมากที่สุด ก็คงไม่ผิด (Ukulele ถือกำเนิดและได้รับความนิยม เป็นที่แรก ในเกาะฮาวาย)- ขนาด Concert
สำหรับผู้เล่นที่ชอบเล่นทั้งแบบ
"Strum Chord" และแบบ "Finger Picking" (แบบดีดที่ละสาย) ยอมต้องการพื้นที่บน Fingerboard
มากกว่า Ukulele ขนาด Soprano แน่นอน ดังนั้น... ขนาด Concert จึงรองรับการเล่นที่หลากหลาย และกว้างกว่าขนาด Soprano Ukulele ขนาด Concert ให้เสียงคมชัด กังวาน ย่านเสียงกลางจะโดดเด่นกว่าทรง Soprano และ ยังสามารถเล่นแบบ Solo หรือ
การเล่นแบบที่ละตัวโน๊ต ก็สามารถทำได้ไม่ยาก
- ขนาด Tenor

ในบรรดาขนาดของ
Ukulele ที่นิยมเล่นกันนั้น Tenor ถือเป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุด สำหรับผู้ที่ชอบเล่นแบบ Finger Picking รวมไปถึงFinger Style ดังนั้นขนาด Tenor จึงสามารถตอบสนองการเล่นได้ดีที่สุด เนื่องจากมีพื้นที่ในส่วน Fingerboard กว้างพอ ที่จะให้เล่น
ได้อย่างสบายๆ การวางนิ้วมือซ้ายลงบนฟิงเกอร์บอร์ดทำได้ง่าย (นิ้วไม่เบียดกัน)

เสียงของ
Ukulele ขนาด Tenor จะโดดเด่นที่ย่านเสียงกลาง ย่านเสียงต่ำ และยังได้เสียงเบสมากขึ้น แต่เสียงคมๆ หรือย่านเสียงสูง จะไม่โดดเด่นเท่ากับขนาด Soprano และ Concert ที่ได้กล่าวมาข้างต้น


อ้างอิง : http://www.acousticthai.net/how_to_buy_ukulele.htm